SEO หรือ Search Engine Optimization คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในผลการค้นหาของ Google การทำ SEO มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างและเนื้อหาเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการค้นหา ส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณมีผู้เข้าชมมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขาย
ทำไมเว็บไซต์ต้องทำ SEO?
ข้อมูลจากการเก็บสถิติของ SEO Quantum ชี้ว่า 95% ของผู้ใช้จะคลิกเว็บไซต์ที่อยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหา โดยอันดับแรกจะได้รับการคลิกถึง 32%, อันดับสอง 16%, และอันดับสาม 10% ในขณะที่เว็บไซต์ในหน้า 2 มีอัตราการคลิกเฉลี่ยเพียง 1% หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการเข้าชมอย่างมีนัยสำคัญ การทำ SEO เป็นสิ่งจำเป็น
การเลือกคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่เหมาะสม
การเลือกคีย์เวิร์ดคือขั้นตอนสำคัญแรกในการทำ SEO โดยคีย์เวิร์ดควรสอดคล้องกับธุรกิจของคุณ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ค้นหาพบเว็บไซต์ของคุณ คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงและมีการค้นหาบ่อยจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า
เคล็ด(ไม่)ลับกับการเลือกคีย์เวิร์ด:
เกี่ยวข้องกับธุรกิจ: เลือกคำที่สะท้อนถึงสินค้า บริการ หรือปัญหาที่คุณสามารถแก้ไขได้
มีการค้นหาจริงครั้งจากผู้ใช้: คีย์เวิร์ดควรเป็นคำที่ผู้ค้นหามักใช้ แม้จะไม่ใช่คำที่ถูกต้องตามหลักภาษา
มีปริมาณการค้นหา (Search Volume): คีย์เวิร์ดควรมีปริมาณการค้นหาในระดับหนึ่ง
มีความต้องการเชิงพาณิชย์สูง: เช่น "ซื้อครีมกันแดด" หรือ "ร่มกันฝนงบ 250 บาท"
วิธีการทำ SEO
การทำ SEO แบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ On-Page และ Off-Page
On-Page SEO คืออะไร ทำอย่างไร
การทำ On-Page SEO คือการปรับแต่งเนื้อหาภายในตัวเว็บไซต์เอง ซึ่งรวมถึง:
เนื้อหา:
คุณภาพ: เนื้อหาต้องอ่านง่ายและมีความยาวที่เหมาะสมสำหรับผู้อ่าน
ความเกี่ยวข้อง: ควรมีคีย์เวิร์ดที่ตรงกับคำค้นหา
ความสดใหม่: สร้างเนื้อหาใหม่ที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ
การใช้ภาพและวิดีโอ: เพิ่มคะแนน SEO โดยการใช้ภาพและวิดีโอพร้อมคำอธิบายที่มีคีย์เวิร์ด
โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Architecture):
การค้นหา (Crawlability): โครงสร้างเว็บไซต์ต้องง่ายต่อการค้นหาของ Google
การใช้งานบนมือถือ: เว็บไซต์ควรใช้งานได้ดีบนมือถือ
ความเร็ว (Load speed): เว็บไซต์ควรโหลดได้อย่างรวดเร็ว
การใช้ HTTPS: เพิ่มความปลอดภัยด้วยการใช้ HTTPS
การเขียนโค้ด (HTML):
Title Tag: ใช้หัวข้อที่มีคีย์เวิร์ด
Meta Description: ใส่คำอธิบายที่ดึงดูด
Header Tags: กำหนดหัวข้อหลักและรองในเนื้อหา
การหลีกเลี่ยงการยัดคีย์เวิร์ด (Keyword Stuffing): ไม่ควรใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปโดยไม่มีเหตุผล
Off-Page SEO
การทำ Off-Page SEO เป็นการปรับแต่งปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อคะแนน SEO เช่น:
ความน่าเชื่อถือ:
การอ้างอิง: ได้ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
การมีส่วนร่วม: มีคนเข้ามามีส่วนร่วมกับเว็บไซต์
อายุของโดเมน (อายุของเว็บไซต์): โดเมนที่มีอายุการใช้งานนานจะทำ SEO ได้ง่ายกว่า
ลิงก์ (Links):
คุณภาพของ Backlink: ลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพช่วยเพิ่มคะแนน SEO
จำนวน Backlink: ยิ่งมีจำนวน Backlink มาก เว็บไซต์ยิ่งมีโอกาสติดอันดับดีขึ้น
ปัจจัยส่วนบุคคล:
เนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละพื้นที่: ทำเนื้อหาให้ตอบโจทย์คนในประเทศหรือพื้นที่
การติดตาม: ทำให้ผู้เข้าชมกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ซ้ำ
Social Media:
ชื่อเสียงของเว็บไซต์: เนื้อหาที่ถูกแชร์บนสื่อโซเชี่ยล เช่น เฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ จะช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ นำมาซึ่งความน่าเชื่อถือที่มากขึ้น
การแชร์: ยิ่งมีการแชร์มาก อันดับของเว็บไซต์จะยิ่งดีขึ้น
การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาให้มีคุณภาพและน่าสนใจ การทำ SEO ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงขึ้นใน Google เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ชมใหม่ๆ และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ
SEO ต้องไม่ใช่แค่ติดอันดับ แต่ต้องติดตาตรึงใจ! เพราะการทำ SEO ของ Rocket Rank จะเปลี่ยน “ผู้เข้าชมเว็บไซต์” ให้กลายเป็น "ลูกค้าประจำ” เราจะช่วยดันเว็บไซต์คุณให้ติดหน้าแรก Google เพิ่มยอดคลิก ยอดขาย และความสำเร็จให้ธุรกิจคุณ ที่ Rocket Rank เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ ที่พร้อมจะพาธุรกิจของคุณก้าวหน้าในโลก Digital เรายินดีให้คำปรึกษา ฟรี!
ติดต่อเราได้ที่ ไลน์ @rocketrank หรือ อีเมล contact@rocketrankthai.com
Comments